1พงศ์กษัตริย์ 2 - พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 19401 คราวนั้นพระชนม์มายุของดาวิดก็ใกล้จะสิ้นอยู่แล้ว; และพระองค์กำขับซะโลโมราชโอรสของพระองค์ว่า, 2 เราก็จะไปตามทางบรรดามนุษย์โลกนี้: เหตุฉะนี้, เจ้าจงมีกำลังเข้มแข็ง, และแสดงตัวให้เป็นคนกล้าอย่างยิ่ง; 3 จงรักษาคำสั่งของพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, ประพฤติตามทางทงหลายของพระองค์, และรักษาข้อกฎหมาย, ข้อบัญญัติ, ข้อพิพากษา, และคำปฏิญาณทั้งหลายของพระองค์, ตามอย่างที่จารึกไว้แล้วในพระบัญญัติของโมเซ, เพื่อเจ้าจะได้จำเริญในบรรดาการซึ่งเจ้าได้กระทำ, และที่ไหนๆ เจ้าจะได้ไปนั้น: 4 เพื่อพระยะโฮวาจะให้ถ้อยคำของพระองค์สำเร็จ, ซึ่งพระองค์ได้ตรัสถึงเราว่า, ถ้าลูกหลานของเจ้าจะรักษาทางประพฤติของเขาต่อเราในความจริง, โดยเต็มใจเต็มจิตต์, เจ้าจะไม่ขาดชายคนหนึ่งบนพระที่นั่งของยิศราเอล. 5 อนึ่งเจ้าก็ทราบแล้วซึ่งโยอาบบุตรซะรูยาได้กระทำแก่เรา, และได้กระทำแก่นายทัพพวกยิศราเอลสองคนนั้น, คืออับเนรบุตรเนร, และอะมาซาบุตรเยเธร, ที่โยอาบได้ฆ่าเสีย, ให้โลหิตศึกสงครามตกในเวลาความสุขสำราญ, และได้เจิมโลหิตศึกสงครามนั้นบนเจียรบาศของตนที่คาดเอวไว้, และบนรองเท้าที่เขาใส่อยู่. 6 เหตุฉะนี้, เจ้าจงกระทำตามสติปัญญาของเจ้า, อย่าให้ศีรษะหงอกของเขาลงไปยังหลุมฝังศพโดยความสุข. 7 แต่เจ้าจงแสดงความเมตตากรุณาแก่บุตรทั้งหลายของบาละซีลายชาวฆีละอาด, ให้เขาอยู่กับคนที่ได้รับประทานอาหารแต่โต๊ะของเจ้า: เพราะเขาทั้งหลายออกมาหาเราเมื่อเราหนีจากอับซาโลมพี่ชายของเจ้า. 8 นี่แน่ะ, ซิมอีบุตรเฆลาตระกูลเบ็นยามินชาวบ้านบะฮูริมก็อยู่กับเจ้า, เขาได้แช่งด่าเราด้วยถ้อยคำอันหยาบนักในวันนั้น, เมื่อเราไปยังเมืองมาฮะนาอิม: แต่เขาได้ลงมารับเราที่แม่น้ำยาระเดน, และเราได้ปฏิญาณแก่เขาโดยพระยะโฮวาว่า, เราจะไม่ประหารชีวิตเขาด้วยกระบี่. 9 เหตุฉะนั้นเจ้าอย่าถือว่าเขาไม่มีโทษ: เพราะเจ้าเป็นคนฉลาดมาก, เจ้าก็รู้แล้วว่าควรจะทำอะไรแก่เขา, แต่ศีรษะหงอกของเขาจงให้มายังหลุมฝังศพด้วยโลหิต 10 แล้วกษัตริย์ดาวิดได้บรรทมหลับด้วยพระอัยยกาอัยยกีของพระองค์, และเขาได้ฝังพระองค์ไว้ ณ เมืองแห่งดาวิด. 11 ตามเวลาซึ่งกษัตริย์ดาวิดได้ทรงเสวยราชในแผ่นดินยิศราเอลนั้นสี่สิบปี: คือที่เมืองเฮ็บโรนเจ็ดปี, และที่กรุงยะรูซาเลมสามสิบสามปี. 12 แล้วซะโลโมก็ได้ประทับบนพระที่นั่งของดาวิดราชบิดาของพระองค์; และแผ่นดินของพระองค์ก็ดำรงมั่นคงยิ่งขึ้น 13 อะโดนียาบุตรนางฮาฆีธก็มาเฝ้าสมเด็จพระนางบัธเซบาพระราชมารดาของซะโลโม. พระนางบัธเซบาจึงรับสั่งว่า, เจ้ามานี้โดยสุจริตหรือ? อะโนดียากราบทูลตอบว่า, ข้าพเจ้ามาโดยสุจริต. 14 และกราบทูลอีกว่า, ข้าพเจ้ามีธุระอะไรอยู่บ้างที่จะกราบทูลกับพระองค์. พระนางบัธเซบาจึงมีพระเสาวนีว่า, จงกล่าวไปเถิด. 15 แล้วอะโดนียาจึงกราบทูลว่า, พระองค์ก็ทรงทราบอยู่แล้วว่าแผ่นดินนั้นเป็นของข้าพเจ้า, และบรรดาพวกยิศราเอลก็ตั้งหน้าคอยข้าพเจ้าเพื่อจะให้ครอบครองเขา: แต่แผ่นดินนั้นก็ได้กลับกลายเป็นของน้องชายข้าพเจ้าแล้ว: ด้วยว่าการนี้เป็นมาแต่พระยะโฮวา. 16 บัดนี้ข้าพเจ้ามีแต่สิ่งเดียวที่จะทูลขอแต่พระองค์, ขอพระองค์อย่าได้ขัดข้าพเจ้าเลย, พระนางบัธเซบาจึงมีพระเสาวนีแก่เธอว่า, จงกล่าวต่อไปเถิด. 17 อะโดนียาจึงกราบทูลว่า, ข้าพเจ้าขอพระองค์ไปทูลกษัตริย์ซะโลโมให้ประทานนางอะบีซัฆชาวซูเนมนั้นให้เป็นภรรยาของข้าพเจ้า, เพราะว่ากษัตริย์จะมิได้ขัดพระองค์เลย. 18 แล้วพระนางบัธเซบาจึงมีพระเสาวนีว่า, เราจะทูลกษัตริย์ให้ 19 เหตุฉะนี้พระนางบัธเซบาจึงเข้าไปเฝ้ากษัตริย์ซะโลโม, จะได้ทูลขอเพื่ออะโดนียา. กษัตริย์ก็ลุกขึ้นตอนรับพระนาง, น้อมพระองค์ลงแล้วจึงประทับบนพระที่นั่ง, แล้วรับสั่งให้จัดพระที่สำหรับพระราชมารดา; แล้วพระนางก็ได้ทรงประทับลงข้างขวาพระหัตถ์ของพระองค์. 20 แล้วพระราชมารดาทูลว่า, ข้าพเจ้าจะขอสิ่งเล็กน้อยจากพระองค์; ขอพระองค์อย่าได้ขัดข้าพเจ้าเลย. กษัตริย์จึงตรัสว่า, พระมารดาเจ้าข้า, จงขอเถิด: ด้วยข้าพเจ้าจะไม่ขัดเลย. 21 พระนางจึงทูลว่า, ขอประทานนางอะบีซัฆชาวซูเนม, ให้เป็นภรรยาของอะโดนียาเชษฐาของพระองค์เถิด. 22 กษัตริย์ซะโลโมจึงตรัสตอบพระมารดาว่า, ไฉนพระมารดาจึงขอนางอะบีซัฆชาวซูเนมให้แก่อะโดนียาเล่า? จงขอราชสมบัติสำหรับเขาด้วย; เพราะเขาเป็นเชษฐาของข้าพเจ้า; ขอเพื่อเขาและเพื่ออะบีอาธารปุโรหิต, และเพื่อโยอาบบุตรซะรูยา. 23 แล้วกษัตริย์ซะโลโมก็ทรงปฏิญาณโดยพระยะโฮวาว่า, อะโดนียากล่าวคำนี้, ถ้าไม่เป็นโทษถึงชีวิต, ขอพระเจ้าทรงกระทำแก่ข้าพเจ้าอย่างนั้น, และยิ่งกว่านั้นอีก. 24 เหตุฉะนั้นพระยะโฮวาทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, ผู้ได้ทรงตั้งข้าพเจ้าไว้ให้ทรงนั่งบนพระที่นั่งดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้า, และได้ให้ข้าพเจ้ามีเชื้อวงศ์ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้, จะต้องประหารชีวิตอะโดนียาวันนี้เป็นแน่ฉันนั้น. 25 แล้วกษัตริย์ซะโลโมทรงให้บะนายาบุตรยะโฮยาดา: ไปประหารชีวิตอะโดนียา 26 กษัตริย์จึงตรัสแก่อะบีอาธารปุโรหิตว่า, เจ้าจงไปยังบ้านอะนาโธด, ที่ไร่นาของเจ้า, ด้วยสมควรเจ้าจะตาย: แต่เราจะไม่ประหารชีวิตเจ้าเดี๋ยวนี้, เพราะเจ้าได้หามหีบพระบัญญัติไมตรีแห่งพระยะโฮวาพระเจ้าต่อพระพักตรดาวิดราชบิดาเรา, และเจ้าได้ร่วมทุกข์ในสรรพสิ่งกับราชบิดาเรา. 27 ซะโลโมจึงได้ถอดอะบีอาธารออกจากตำแหน่งปุโรหิตต่อพระยะโฮวา; เพื่อจะให้ถ้อยคำของพระยะโฮวาสำเร็จซึ่งพระองค์ได้ตรัสถึงเชื้อวงศ์ของเอลีในเมืองซีโล 28 ข่าวคราวก็ทราบถึงโยอาบ; เพราะโยอาบได้อนุมัติตามอะโดนียา, แต่เขามิได้อนุมัติตามอับซาโลมนั้น. โยอาบจึงหนีไปยังพลับพลาแห่งพระยะโฮวา, จับถือเม็ดแหลมแท่นบูชา. 29 มีผู้มากราบทูลกษัตริย์ซะโลโมว่า, โยอาบหนีเข้าไปในพลับพลาแห่งพระยะโฮวา; เขาอยู่ที่แท่นบูชา. แล้วซะโลโมทรงใช้บะนายาบุตรยะโฮยาดาว่า, จงไปประหารชีวิตเขาเถิด. 30 บะนายาก็มายังพลับพลาพระยะโฮวากล่าวกับเขาว่า, กษัตริย์ได้มีรับสั่งว่า, จงออกมาเถิด. เขาตอบว่า, ไม่ออกไป: ข้าจะตายที่นี่. บะนายาจึงไปกราบทูลกษัตริย์ว่า, โยอาบได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าดังนั้น. 31 กษัตริย์จึงตรัสสั่งบะนายาว่า, จงประหารชีวิตเขาแล้วฝังเสียตามคำที่เขากล่าวนั้น; เพื่อเจ้าจะชำระโลหิตของผู้ที่ไม่มีผิด, ที่โยอาบได้กระทำให้ตกไปมิให้ติดกับเรา, และเชื้อวงศ์ราชบิดาเรา. 32 พระยะโฮวาจะทรงบันดาลให้โลหิตตกลงบนศีรษะของเขาเอง, เพราะเขาได้ฆ่าสองคนที่สัตย์ซื่อและดีกว่าเขาเองด้วยดาบ, และราชบิดาของเราไม่ทันรู้, คืออับเนรบุตรเนร, นายกองทัพยิศราเอล, และอะมาซาบุตรเยเธรนายกองทัพยูดา. 33 โลหิตคนเหล่านั้นก็จะตกลงบนศีรษะของโยอาบ, และบนศีรษะเชื้อวงศ์ของเขาเป็นนิตย์: ฝ่ายกษัตริย์ดาวิด, และเชื้อวงศ์, กับครอบครัว, และพระที่นั่งของพระองค์, จะมีความสุขสำราญเป็นนิตย์มาแต่พระยะโฮวา. 34 ดังนั้นบะนายาบุตรยะโฮยาดาได้ขึ้นไปฆ่าเขา; แล้วก็ฝังไว้ ณ เรือนของเขาเองซึ่งอยู่ในป่าดง. 35 กษัตริย์ได้ทรงตั้งบะนายาบุตรยะโฮยาดาเป็นแม่ทัพแทนโยอาบ: ซาโดคเป็นปุโรหิต, และได้ทรงตั้งแทนอะบีอาธาร 36 กษัตริย์ได้ทรงใช้คนไปเรียกซิมอีมา, แล้วตรัสแก่เขาว่า, จงไปสร้างบ้านอยู่ ณ กรุงยะรูซาเลม, และอาศัยอยู่ที่นั้น, อย่าไปจากที่นั่นเลย. 37 เพราะว่า, ในวันใดที่เจ้าออกไป, และข้ามลำธารเกตโรน, เจ้าจงรู้เป็นแน่เถิดว่าจะต้องตาย: โลหิตของเจ้าจะต้องตกลงบนศีรษะของเจ้าเอง. 38 ซิมอีจึงกราบทูลกษัตริย์ว่า, คำตรัสนั้นก็ดีอยู่ผู้ทาสของพระองค์จะกระทำตามคำของกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า, แล้วซิมอีก็ได้อาศัยอยู่ในกรุงยะรูซาเลมหลายวัน 39 เมื่อล่วงไปสามปีแล้ว, บ่าวของซิมอีสองคนได้หนีไปยังอาคิซโอรสมาอะคากษัตริย์เมืองคัธ. และมีผู้บอกซิมอีว่า, แน่ะ, บ่าวของท่านอยู่ที่เมืองคัธ. 40 ซิมอีก็ลุกขึ้นผูกอานขี่ลาไปเฝ้าอาคิชที่เมืองคัธเพื่อจะหาบ่าวของตน, และซิมอีได้พาบ่าวมาจากเมืองคัธ. 41 มีผู้มากราบทูลซะโลโมว่า, ซิมอีได้ไปจากกรุงยะรูซาเลมถึงเมืองคัธแล้ว, และกลับมาอีก. 42 กษัตริย์ตรัสสั่งให้ไปเรียกซิมอีมา, ตรัสแก่เขาว่า, เราได้ให้เจ้าสาบานโดยพระยะโฮวามิใช่หรือว่า, วันที่เจ้าได้ออกไปพ้นเขตต์, เจ้าต้องตายเป็นแน่มิใช่หรือ? และเจ้าได้ทูลตอบแก่เราว่า, คำนั้นซึ่งข้าพเจ้าได้ยินก็ดีอยู่. 43 เหตุไฉนเจ้าจึงไม้ได้รักษาคำสาบานต่อพระยะโฮวา, และคำบังคับซึ่งเราได้สั่งแก่เจ้าแล้ว? 44 กษัตริย์จึงได้ทรงตรัสแก่ซิมอีต่อไปอีกว่า, เจ้าก็รู้การชั่วทั้งหมดที่เป็นการลับในใจของเจ้า, ซึ่งเจ้าได้กระทำแก่ดาวิดพระราชบิดาของเรา: เหตุฉะนี้พระยะโฮวาจะบันดาลให้การชั่วของเจ้ากลับตกลงมาบนหัวของเจ้า. 45 พระพรจะมีแก่กษัตริย์ซะโลโม, และพระที่นั่งของดาวิดจะตั้งมั่นคงอยู่ฉะเพาะพระยะโฮวาเป็นนิตย์. 46 กษัตริย์ได้ตรัสสั่งบะนายาบุตรยะโฮยาดา; และบะนายาก็ออกไปตีซิมอีจนถึงแก่ความตาย. และแผ่นดินนั้นก็ดำรงมั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซะโลโม |
พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับ 1940 สงวนลิขสิทธิ์ 1940 โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย The Holy Bible – Thai 1940 Copyright ©1940 Thailand Bible Society
Thailand Bible Society